sitehun.communityarchitect.com

คลิปแอบถ่ายเรื่องเย็ดThe Paradox 1.2 (นำมาลงให้ใหม่ พร้อมพิสูจน์อักษร) หีระเบิด


คลิปแอบถ่ายเรื่องเย็ดThe Paradox 1.2 (นำมาลงให้ใหม่ พร้อมพิสูจน์อักษร) หีระเบิดหีระเบิดดูคลิปxนักเรียนรูปโป้2010หมอยดำๆแอบถ่ายเด็ก
คลิปแอบถ่ายหีระเบิดThe paradox 1.2... ชะตากรรม

พุทธศักราช 2520
------------------------------------------------------------------

ร่างบอบบางของเด็กหญิงผมสั้นในชุดเสื้อยืดหลวมโคร่ง กางเกงขาสั้นเล่นกีฬาสีขาวที่เผยให้เห็นลำขาเรียวยาว แต่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแบบนักกีฬา กระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มวัย 15 ปีที่กำลังนั่งชมภาพยนตร์อยู่ที่โซฟาหนานุ่ม จนร่างเด็กหนุ่มหงายลงไปกับเบาะโดยมีร่างของเด็กหญิงทาบทับอยู่ด้านบน ปากเรียวบางส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น...

“ พี่เอ..พี่เอ...ครูใหญ่บอกว่าพี่เอติดเตรียมอุดมแล้วนะ เป็นคนเดียวในโรงเรียนเลย รินรีบมาบอกพี่เอเป็นคนแรกเลยนะ”

เด็กหนุ่มยันร่างขึ้นจากการทาบทับของเด็กหญิงเพื่อนเล่นวัยเด็ก ยกร่างรินลดาขึ้นอย่างง่ายดายแล้วปล่อยให้นั่งข้างๆ สองมือเด็กหนุ่มขยี้ผมสั้นซอยที่ทำให้เด็กหญิงดูราวกับเด็กผู้ชายอย่างเอ็นดู

“ พี่รู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผู้อำนวยการเตรียมอุดมโทรมาบอกคุณพ่อพี่เองแหละ”

รินลดาหน้าม่อยลง ด้วยความผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นคนแรกที่ทำให้พี่ชายที่สนิทที่สุดรู้ข่าวเป็นคนแรก ปากน้อยๆ ส่งเสียงบ่นอย่างแง่งอน..

“ว้า คุณลุงคุณป้าหลอกรินนี่นา.. เมื่อกี้คุณป้าทำยังกับว่าเพิ่งรู้แล้วเร่งให้รินมาบอกพี่เอก”

“เอ้า..งั้นถือว่าพี่ยังไม่รู้ก็ดี...โอ๊ย ดีใจจังเลย..”

เด็กหนุ่ม หรือนายไกรวิทย์ คชสีห์ แกล้งล้อรินลดาด้วยความเอ็นดู ทำให้เด็กหญิงระดมกำปั้นน้อยๆ ทุบใส่อกแข็งแรงที่แผ่กว้างตรงหน้าถี่ยิบ..

“ บ้า บ้า บ้า ..พี่เอนี่ ล้อรินเรื่อยเลย เดี๋ยวรินไปหาน้องกิฟท์ให้มาช่วยรุมพี่เอดีกว่า”

ไกรวิทย์ยิ้มให้เด็กหญิงเบื้องหน้าอย่างล้อๆ

“พนันกับพี่ไหมล่ะ...อีกไม่เกิน 10 นาที ยายกิฟท์ ต้องวิ่งแจ้นเข้ามาเหมือนกันแหละ..”

ไม่ทันขาดคำ เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงอีกคนหนึ่งก็ดังลั่นจากจากหน้าบ้าน...

“ พี่เอ....พี่เอ...”

เสียงค่อยๆ เพิ่มความดังขึ้น จนกระทั่งร่างเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับรินลดาปรากฏขึ้นที่หน้าประตู เจ้าของเสียง หอบแฮ่กๆ แต่ทำหน้าสงสัยที่เห็นไกรวิทย์นั่งคู่กับรินลดาบนโซฟา พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มขณะที่รินลดามีสีหน้ากลั้นหัวเราะไว้อย่าง ยากเย็น...

“อ้าว...กิฟท์ วิ่งมาทำไม มีอะไรด่วนเหรอ..”

ไกรวิทย์ถามด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นสงสัยเต็มที่ น้องกิฟท์ เด็กหญิงผู้มาใหม่ มองไกรวิทย์และรินลดา ก่อนส่งเสียงอย่างไม่แน่ใจ..

“ กิฟท์จะมาบอกพี่เอว่า พี่เอสอบเข้าเตรียมอุดมได้แล้วน่ะ”

มือน้อยๆ ของรินลดาที่ซ่อนอยู่หลังโซฟา บีบมือไกรวิทย์เป็นสัญญานบอกใบ้ ก่อนร้องอุทานออกมา

“โอ๊ย..จริงหรือนี่ รินดีใจจริงๆ พี่เอ ดีใจไหม ”

ไกรวิทย์แกล้งทำหน้าตื่นตามสัญญานบอกใบ้ที่ได้รับ ส่งเสียงอุทานลั่น

“ จริงหรือนี่ กิฟท์ไม่ได้หลอกพี่นะ.. ”

เด็กหญิงผู้มาใหม่ ยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่รับรู้ “ข่าวสำคัญ” ที่ตนเองรีบมาบอก ร่างเพรียวบางถลาเข้ามาไกรวิทย์กับรินลดาที่โซฟาทันที แล้วมาแทรกอยู่ระหว่างกลาง โดยทั้งสองช่วยเขยิบเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้มาใหม่แทรกตัวเข้ามา

ไกรวิทย์ลูบผมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู น้องกิฟท์ หรือเด็กหญิงอัจฉริยา ทรัพย์ทวี เป็นลูกสาวคนสุดท้องของพ.ต.อ.สมภพ ทรัพย์ทวี ผู้กำกับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ ที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเดียวกันกับเด็กหนุ่มและรินลดา แม้จะเกิดปีเดียวกันกับน้องริน แต่ด้วยความที่อ่อนเดือนกว่าถึง 8 เดือน ทำให้น้องรินวางตัวเป็นพี่สาวของน้องกิฟท์มาตั้งแต่เด็ก โดยที่ผู้อ่อนเดือนกว่าก็ยอมรับสถานะอย่างไม่โต้แย้ง เนื่องจากพี่ชายและพี่สาวของน้องกิฟท์ ล้วนแก่กว่าเกือบ 10 ปี ความเป็นลูกหลงท้องที่อายุต่างกับพี่ๆ ทำให้เด็กหญิงมาสนิทสนมกับไกรวิทย์และรินลดา โดยให้ไกรวิทย์ทำหน้าที่พี่ใหญ่ ทั้งสามเติบโตมาด้วยกันในหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งนี้ เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่น้องที่สนิทกันราวกับพี่น้องแท้ๆ

อัจฉริยาหันไปคุยกับน้องรินอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้ไกรวิทย์มีโอกาสหยุดพักการพูดคุย และพิจารณาร่างน้องสาวทั้งสองอย่างละเอียด เวลาที่ผ่านไปอย่างช้าๆ ทำให้เด็กหนุ่มแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนเล่นวัยเด็กทั้งสองกำลังเติบโต ย่างเข้าสู่วัยสาว และมีท่าทีว่าจะเป็นหญิงสาวที่น่ารักที่สุดทั้งคู่ในเวลาไม่นานนัก แม้ไกรวิทย์จะมีโอกาสเรียนรู้เรื่องเพศจากความคะนองวัยหนุ่มตั้งแต่อายุ 13 ผ่านโสเภณีย่านตรอกต้นโพธิ์ และกำแพงดินมาแล้วหลายครั้งก็ตาม สัญชาตญานทางเพศของวัยหนุ่มไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า เนื่องจากความสนิทสนมที่ไม่แตกต่างกับพี่น้องแท้ๆ แต่การกระโดดเข้าใส่ร่างของน้องรินเมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ถึงหน้าอกครัดเคร่งเต่งตึงของน้องรินที่เบียดแน่นอยู่กับร่าง สัมผัสนั้นบอกให้รู้ว่าเด็กหญิงกำลังจะพ้นจากความเป็นเพื่อนเล่นที่ไม่แบ่งแยกเพศในอีกไม่นาน ใบหน้ายิ้มแย้มของน้องริน ที่ประดับแว่นสายตาสีแดงสด บนใบหน้ากลมมนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นวงรีอย่างช้าๆ รอยยิ้มเบิกบานที่ประดับมุมปากด้วยเขี้ยวเล็กสองซี่ ทำให้ภาพของเด็กหญิงช่างพูดที่รู้จักกันมาตลอด 12 ปีค่อยๆ เลือนรางลง โดยมีใบหน้าเด็กหญิงที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยสาวมาแทนที่ ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่หลังแว่นเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อพูดคุยกับน้องกิฟท์อย่างสนุกสนาน สายตาของเด็กหนุ่มเลื่อนลงมาที่เรียวขาเพรียวที่ยังดูเก้งก้างราวกับเด็กชาย แต่สายตาของเด็กหนุ่มบอกตัวเองว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงไปจากภาพที่เคยเห็น เรียวขานั้นดูนุ่มนวลขึ้น และเริ่มมีเนื้อหนังเปล่งปลั่งกระจายไปทั่วโดยเฉพาะบริเวณต้นขาที่ปรากฏพ้นขอบกางเกงขาสั้นที่สั้นขึ้นจากท่านั่งพับเพียบบนโซฟา จนขอบกางเกงในสีขาวสะอาดเผยตัวให้เห็นเล็กน้อย

เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสำคัญที่กำลังถูกกระตุ้นจากจินตนาการโดยภาพที่งดงามของรินลดาเบื้องหน้า สายตาไกรวิทย์หันไปจับจ้องอัจฉริยา ที่นั่งประชิดตัวอยู่ การที่อัจฉริยาหันหน้าไปคุยกับรินลดา ทำให้แผ่นหลังของเด็กหญิงแนบแน่นอยู่กับต้นแขน ขณะที่สะโพกเคร่งครัดกดทับอยู่กับหลังมือของเด็กหนุ่มที่วางอยู่บนโซฟา เวลาที่ผ่านไปมิใช่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาให้รินลดาเพียงคนเดียวเท่านั้น อัจฉริยา ที่อ่อนวัยกว่าเกือบปี ก็กำลังสะสมเนื้อหนังเพื่อเปลี่ยนสภาพจากเด็กสาวหมวยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนตัวน้อย ไปสู่สาวแรกรุ่นเช่นกัน ดวงตาเรียวยาวที่ชี้ขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเด็กหญิงดูโฉบเฉี่ยว สองแก้มที่เคยยุ้ยเป็นพวงกลมเริ่มยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่ขาวอย่างคนจีนเริ่มแฝงสีชมพูจางๆ ใต้ผิวหนังเปล่งปลั่ง กลิ่นกายของเด็กหญิงระเหยออกจากร่างกระทบจมูกของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน มันเป็นกลิ่นที่สดชื่นราวกับดอกมะลิยามเช้าที่ยังผลิบานไม่เต็มที่ นี่เองคงเป็นกลิ่นที่คนโบราณเรียกว่ากลิ่นหอมยามแตกเนื้อสาว ที่แม้จะสดชื่นมากกว่ากระตุ้นอารมณ์ แต่ก็กระตุ้นให้ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกลิ่น จินตนาการไปถึงกลิ่นสาบสาวยามดอกไม้แรกแย้มดอกนี้เบ่งบานเต็มที่ในอนาคต พลันขณะที่อัจฉริยา ยกมือขึ้นชี้ไปยังภายนอกประกอบการพูดคุย สายตาของไกรวิทย์กระทบเข้ากับภาพใต้วงแขนภายใต้เสื้อยืดแขนกุดตัวหลวมที่สวม ใส่ประจำ แขนเสื้อที่เปิดช่องว่างกว้างพอให้สายตาเด็กหนุ่มผ่านไปกระทบกับหน้าอกขนาดเล็กที่ปราศจากบราปิดกั้น เผยให้เห็นหน้าอกที่เคยแบนราบกำลังเริ่มสะสมชั้นไขมันจนก่อตัวเป็นรูปร่าง หัวนมเม็ดเล็กสีชมพูจัดขนาดเท่าเมล็ดลูกเกด ฝังตัวสงบนิ่งอยู่บนปานยอดสีเดียวกันแต่อ่อนจางกว่า แม้จะเป็นภาพที่เห็นเพียงด้านข้างแต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไกรวิทย์มีโอกาสเห็น ผิวกายและอวัยวะพึงสงวนของเด็กหญิงเพื่อนเล่นคนนี้ แก่นกายที่เริ่มตื่นตัวจากเรียวขางามของรินลดา เมื่อผสมเข้ากับหน้าอกเต่งที่เริ่มก่อตัวของอัจฉริยา ทำให้มันเริ่มทวีขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะโผล่พ้นขอบกางเกงบอกเซอร์ที่เด็กหนุ่มสวมอยู่กับบ้าน ทำให้ต้องหันไปคว้าหมอนอิงข้างกายไปกดทับเพื่อป้องกันสายตาของเด็กหญิงทั้งสอง ในใจของไกรวิทย์เริ่มสับสนเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าร่างทั้งสองที่อยู่ข้างๆ นั้น กำลังกระตุ้นความรู้สึกทางเพศของวัยหนุ่มอย่างรุนแรง แต่จิตใจอีกส่วนหนึ่งก็กำลังเรียกร้องให้ระงับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้ และให้กลับมายึดถือเด็กหญิงทั้งสองเป็น “น้องสาว” ดังที่เคยเป็นมา

“ตกลงไหมพี่เอ... ”

เสียงใสๆ ของอัจฉริยาดังขึ้น ใบหน้าหวานใสหันมาจ้องตาไกรวิทย์ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัวจากจินตนาการแล้วหันมาให้ความสนใจเด็กหญิงเบื้องหน้า แม้สมองจะไม่รู้ว่าเด็กหญิงอัจฉริยา ซึ่งฉลาดอย่างเหลือเชื่อสมชื่อคนนี้กำลังพูดอะไร แต่ก็พยายามสนองตอบเท่าที่ทำได้

“ ไม่มีปัญหา โอเคเลย.”

อัจฉริยา มองหน้าพี่ชายผู้ใกล้ชิดนิดหนึ่ง สมองอันชาญฉลาดของเด็กหญิงที่สอบไล่เป็นที่หนึ่งของระดับชั้นด้วยคะแนนเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ทุกวิชาจนสามารถพาสชั้นขึ้นมาเรียนห้องเดียวกันกับรินลดา ก็ทราบว่าพี่ชายของเธอไม่ได้รับรู้เรื่องที่กำลังคุยอยู่แม้แต่น้อย

“ พี่เอเนี่ย ไม่ได้ฟังเลย ยังมารับปากอีก รู้งี้กิฟท์กับพี่รินบังคับพี่เอไปเลี้ยงใหญ่ดีกว่า”

ไกรวิทย์หัวเราะเก้อๆ พยายามแก้ตัว

“เลี้ยงก็ได้นะ แต่คงต้องเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะมะรืนนี้พี่ต้องเดินทางลงไปเตรียมมอบตัวที่กรุงเทพฯ คุณพ่อท่านจองรถไฟไว้แล้ว”

เด็กหญิงทั้งสองนิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อได้รับรู้ว่าพี่ชายที่สนิทที่สุดกำลังต้องเดินทางไกลไปจากบ้านเกิด รินลดาส่งเสียงถามอย่างไม่แน่ใจ

“ แล้วพี่เอจะกลับมาหลังจากมอบตัวเสร็จหรือเปล่า”

ไกรวิทย์ส่ายหน้า..

“ คงไม่กลับแล้วล่ะ คุณพ่อให้เตรียมของทั้งหมดไปด้วยเลย กว่าจะกลับก็คงปิดเทอมตุลาหน้า”

ความเงียบปกคลุมห้องนั่งเล่นในบ้านหลังใหญ่ รินลดาและอัจฉริยา หันไปสบตากัน ขณะที่ไกรวิทย์ก็เพิ่งรู้สึกตัวและรับรู้เป็นครั้งแรกว่าการเดินทางไปเรียน ต่อ ม.ศ.4 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามที่ไม่เคยแยกจากกันตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง นานราวกับผ่านไปทั้งวัน เสียงรินลดาก็ดังขึ้นเบาๆ ด้วยคำพูดที่เหมือนกับจะแทงใจของทั้งสามคน

“ หมายความว่าต่อไปนี้จะไม่ได้มาเล่นกับพี่เอ ไม่ใด้ให้พี่เอสอนการบ้าน ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกแล้ว”

อัจฉริยา มีสีหน้าสลดลง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนจากอารมณ์สนุกสานมาเป็นใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้ น้ำตาเริ่มกลบลูกตาทั้งสองข้าง และก่อนที่ใครจะรู้ตัว เด็กหญิงก็โผเข้ากอดชายหนุ่มไว้แน่น ปล่อยเสียงโฮ ออกมา

“ไม่เอา...กิฟท์ไม่ให้พี่เอไป..พี่เออย่าไปนะ เรียนที่เชียงใหม่ก็ได้...”

รินลดาที่ดูจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเล็กน้อย เข้ามากอดอัจฉริยาทางด้านหลัง แม้จะไม่ได้เปล่งคำพูดใดออกมา แต่น้ำตาซึ่งกลบลูกตากลมโตที่จับจ้องพี่ชายของเด็กหญิงแน่วนิ่งเช่นกัน บอกให้รู้ว่ารินลดาเองก็เสียใจไม่แพ้น้องกิฟท์แม้แต่น้อย

ไกรวิทย์โอบเด็กหญิงทั้งสองไว้ในอ้อมแขน แม้จะไม่ร้องไห้ออกมาเด็กหนุ่มก็รับรู้ถึงสภาพที่ตนเองจะต้องไปศึกษาต่อโดย ไม่มีน้องสาวแสนรักทั้งสองที่คอยให้ความแจ่มใสเช่นที่ผ่านมา แต่ก็รู้ดีว่าทุกสิ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ครู่ใหญ่แขนแข็งแรงของไกรวิทย์ก็ดันร่างอัจฉริยาที่ยังสะอื้นอยู่ให้ออกจาก ตัวพร้อมกับรินลดา เขย่าร่างเบาๆ ให้ทั้งคู่รู้ตัวหันมาสบตาแล้วพุดอย่างจริงจัง

“ น้องริน น้องกิฟท์ ฟังพี่นะ. พี่สัญญาว่าจะกลับมาตอนปิดเทอมให้เร็วที่สุด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม พี่ขอให้น้องรินกับน้องกิฟท์ตั้งใจเรียนให้มาก แล้วอีก 3 ปี น้องทั้งสองจะได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ด้วยกันกับพี่ พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก เหมือนเดิม เข้าใจไหม...เอาล่ะ หยุดร้องไห้แล้วยิ้มให้พี่เดี๋ยวนี้ ”

เด็กหญิงทั้งสอง นิ่งฟังคำพูดของไกรวิทย์อย่างตั้งใจ และพยักหน้ารับคำขอของพี่ชายที่รัก...รินลดาพยายามสะกดเสียงสะอื้นแล้วส่ง เสียงอย่างไม่แน่ใจ

“ ถ้าเป็นน้องกิฟท์ คงไม่มีปัญหาแน่ เพราะน้องกิฟท์ เรียนเก่งขนาดนี้ แต่รินสอบได้แค่ 75 เปอร์เซ็นต์ อย่างมากก็ไม่เกิน 80 รินคงไม่มีทางไปเรียนเตรียมอุดมที่กรุงเทพแน่..”

แทนที่ไกรวิทย์จะปลอบโยนรินลดา เสียงของอัจฉริยา กลับดังขึ้นอย่างมั่นใจ

“ พี่รินไม่ใช่เรียนไม่เก่ง แต่พี่รินมัวแต่ห่วงเพื่อนๆ คอยช่วยเหลือคนโน้นคนนี้จนไม่มีเวลาดูหนังสือต่างหาก ต่อไปนี้กิฟท์ จะติวเข้มให้พี่ริน เพื่อให้พี่รินสอบเข้าเตรียมอุดมได้ แล้วพวกเราจะได้ให้พี่เอกพาเที่ยวกรุงเทพด้วยกัน นะ พี่รินนะ...”

รินลดาและไกรวิทย์จ้องมองน้องสาวคนเล็กอย่างแปลกใจ จากการที่อัจฉริยา กลับเป็นคนแรกที่ตัดสินใจเด็ดขาดและตั้งเป้าปฏิบัติตามคำขอของไกรวิทย์ในทันทีอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ พร้อมกับรอยยิ้มที่เริ่มปรากฏบนใบหน้ารินลดา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ ร่างทั้งสามกอดกันแน่นบนโซฟา ราวกับเป็นการปฏิญานคำสัญญาที่เกิดขึ้นในวันนี้

“อ้าว หนูกิฟท์ มาเมื่อไหร่เนี่ย... แล้วพวกเราหิวข้าวหรือยังเดี๋ยวป้าจะบอกยายแจ่มให้จัดโต๊ะให้นะ”

ร่างโปร่งบางของอรอุมา ส่งเสียงทักทายเมื่อเดินลงมาจากชั้นสอง น้องกิฟท์รีบลุกขึ้นวิ่งไปกอดหญิงสาวอย่างสนิมสนม แล้วดึงมือมาร่วมกลุ่มที่โซฟา

“ คุณพ่อไปไหนครับ”

ไกรวิทย์ถามอย่างไม่สนใจคำตอบเท่าใดนัก เด็กหนุ่มรู้ดีถึงภารกิจที่บิดามีในวงการธุรกิจ ที่ทำให้มีโอกาสคลุกคลีกับบุตรชายคนเดียวค่อนข้างน้อย แต่เด็กหนุ่มก็ทราบดีถึงความรักความห่วงใยที่ไกรสรมีต่อตนเองและไม่เคยปฏิบัติตนมีปัญหาดังเช่นวัยรุ่นทั่วไป

อรอุมาจับจ้องร่างของรินลดาที่ยังคงแนบชิดกับร่างบุตรชายอย่างสนใจ แววตาของหญิงสาวอ่อนโยนเมื่อมองเด็กหญิงทั้งสองเบื้องหน้า ทำให้รินลดาก้มหน้าเล็กน้อย พวงแก้มเป็นสีแดงเรื่อๆ ร่างของเด็กหญิงเขยิบออกห่างไกรวิทย์ตามสัญชาติญาณ ขณะที่อัจฉริยา ดูจะไม่รับรู้ถึงความหมายแฝงเร้นของรอยยิ้มและกลับมานั่งเบียดกับไกรวิทย์ เช่นเคย แต่เด็กหญิงก็ยังคงรับรู้ถึงความเอ็นดูที่สตรีสาวผู้เป็นมารดาของไกรวิทย์มีให้กับทั้งสองมาโดยตลอด

“ คุณพ่อไปติดต่อธนาคารน่ะ เห็นว่าจะซื้อที่ดินที่โป่งแยงเพื่อเปิดเป็นบ้านพักตากอากาศ ตอนนี้คนกรุงเทพเริ่มมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้น บางทีโรงแรมในตัวเมืองไม่กี่แห่งก็เต็มหมด คุณพี่..เอ้อ คุณพ่อเลยคิดว่าจะลองเปิดทางธุรกิจใหม่ๆ ไว้ถ้าตกลงกันได้ เอกับน้องๆ ก็ไปเที่ยวด้วยกัน คงจะสวยมาก เห็นว่ามีน้ำตกในที่ดินด้วย”

เด็กหนุ่มสาวทั้งสามตอบรับเป็นเสียงเดียว ส่งเสียงจ๊อกแจ๊กถามรายละเอียดอย่างตื่นเต้น อรอุมานั่งคุยอยู่ด้วยครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นไปที่ห้องครัวเพื่อสั่งให้ทำอาหารกลางวัน ไกรวิทย์หันมาบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างนึกขึ้นได้

“นี่เราไม่ได้ไปที่ บ้านเล็ก นานเท่าไหร่แล้วนะ..”

รินลดาทำตาโตเมื่อได้ยินคำถาม สองมือยกขึ้นนับนิ้วอย่างไม่แน่ใจ ทำให้อัจฉริยาหัวเราะกิ๊กออกมาและตอบแทนทันที

“ เกือบสองเดือนแล้วล่ะพี่เอ ก็พี่เอมัวแต่ดูหนังสือเตรียมสอบกิฟท์กับพี่รินเลยไม่กล้าไป..”

เด็กหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนบอกเด็กหญิงทั้งสองอย่างกระตือรือร้น

“ พี่นึกออกแล้ว พรุ่งนี้ให้แม่ครัวเตรียมตระกร้าปิกนิค แล้วพวกเราไปที่บ้านเล็กแต่เช้าเลยดีไหม จะได้มีเวลาอยู่ที่นั่นนานๆ เป็นการสั่งลาก่อนที่พี่จะไปกรุงเทพฯ”..

เด็กหญิงทั้งสองยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างกระตือรือล้น แต่ไกรวิทย์รีบทำสัญญานให้หยุดพูดเมื่อเห็นอรอุมาเดินกลับเข้ามา

“เอ้า เด็กๆ ไปทานอาหารกันได้แล้วล่ะ...”

ทั้งสามขานรับเป็นเสียงเดียว ก่อนลุกขึ้นเดินตามกันไปที่ห้องอาหาร ในใจของไกรวิทย์นึกถึงบ้านเล็ก ซึ่งเป็นสถานที่ลับของเด็กหนุ่มและเด็กหญิงทั้งสองมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน จากความซุกซนที่ไปเที่ยวป่าใกล้หมู่บ้านและวิ่งไล่จับกระรอกที่นำไปไปพบถ้ำ เล็กๆ ริมลำห้วย ซึ่งถูกปกคลุมด้วยรากไม้เถาวัลย์จนไม่เห็นทางเข้า หลังจากเด็กทั้งสามได้พบว่าภายในเป็นถ้ำหินขนาดเล็กกว้างยาวประมาณ 20 เมตร ก็ได้จัดการทำความสะอาดแล้วลำเลียงสิ่งของที่จำเป็นมาตกแต่งให้เป็นที่สถานที่เล่นส่วนตัวที่ผู้ใหญ่ไม่รู้ และตั้งชื่อว่าบ้านเล็กเป็นสัญญานที่รู้กัน โดยในวันใดที่ว่าง ทั้งสามก็จะมาขลุกอยู่ยังสถานที่ที่ปราศจากผู้คนแห่งนี้เพื่อเล่นของเล่นที่แอบซื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต แอบทำอาหารกินกันเอง บางทีในหน้าร้อน ทั้งสามก็จะลงเล่นน้ำในลำห้วยอย่างสนุกสนาน ไกรวิทย์นึกถึงภาพเรียวขาของรินลดาและหน้าอกชูช่อของอัจฉริยา อย่างไม่ตั้งใจ มโนภาพของเด็กหนุ่มคิดไปถึงความเป็นไปได้ที่จะชวนสองเด็กหญิงเล่นน้ำกันด้วย ในวันพรุ่งนี้.และโอกาสที่อาจจะได้เห็นความลับบนร่างของน้องสาวทั้งสองให้มากขึ้น แต่ความคิดดังกล่าวถูกสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว และนึกตำหนิตัวเองที่คิดไม่ดีกับเด็กหญิงที่อยู่ในวัยเพียง 11-12 ปี เด็กหนุ่มสะบัดหน้าเพื่อให้สติกลับมา แล้วตามหลังมารดาและสองเด็กหญิงไปสู่กลิ่นหอมของอาหารในห้องโดยไม่คิดถึงสิ่งใดอีก

------------------------------------------------------

พุทธศักราช 2535

“เฮียวิท...เฮียวิท..”

เสียงไอ้ชัยที่กำลังเคาะประตูห้อง ปลุกผมจากภวังค์ที่จมดิ่งไปสู่อดีต หมุนพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วถอนใจที่เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ผมให้นังทิพย์ไปส่งน้องพิม ผมขยับกายลุกขึ้นไปเปิดประตู เพื่อพบว่าไอ้ชัยยืนรออยู่ที่หน้าห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“มีอะไรหรือวะไอ้ชัย มีปัญหาเรื่องศพงั้นหรือ”

ไอ้ชัยส่ายหน้า

“เรื่องสามศพนั่นไม่มีปัญหาหรอกเฮีย แต่นังต้อมมันให้ผมมาเรียกเฮียให้ไปที่บ้านด่วนเลย นังต้อมมันไม่กล้ามารบกวนเฮีย”

หัวใจผมตกวูบ เมื่อได้ยินคำขอของไอ้ชัย ไม่ใช่เพราะเรื่องนังต้อมน้องสาวไอ้ชัย ที่มีเค้าหน้าหวานเหมือนพี่ชาย และผมรู้ดีว่านังต้อมก็พยายามที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างเต็มที่ แม้จะรู้ดีว่าผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังก็ตาม แต่สาเหตุที่ผมกังวลอย่างยิ่งก็คือหน้าที่ซึ่งผมมอบหมายให้น้องสาวไอ้ชัยรับผิดชอบ และการที่ไอ้ชัยต้องมาตามตัวผมตามคำขอของน้องสาวก็น่าจะเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ผมพยักหน้าให้ไอ้ชัย เพื่อให้นำผมไปยังบ้านพักของไอ้ชัยกับน้องสาว ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของผม ระหว่างที่เดินไปเงียบๆ ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา เมื่อผมไปเผาศพเพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งที่ตายด้วยโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคใหม่ที่กำลังกระจายไปอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และหลังจากเสร็จสิ้นงานศพระหว่างที่ผมกำลังจะกลับมาขึ้นรถ ก็ปรากฏมือผอมแห้งบนร่างที่ใกล้ถึงจุดจบของผู้ติดเชื้อในวัดคนหนึ่ง เอื้อมมากุมมือผมไว้ และเพียงผมได้ยินเสียงที่สตรีผู้ใกล้ความตายเรียกผมโลกทั้งโลกก็เหมือนหยุดนิ่ง ผมเข้าช้อนร่างอุ้มผู้หญิงคนนั้นมาที่รถผมและพากลับมาที่คลองน้อยในทันที โดยไม่สนใจสายตาสงสัยระคนหวาดกลัวของลูกน้อง ที่เห็นผมสัมผัสผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายที่มีน้ำหนองเต็มตัวอย่างไม่รังเกียจ เมื่อผมมาถึงที่พักก็ได้ขออาสมัครช่วยดูแลผู้หญิงคนนี้ ซึ่งไอ้ชัยกับน้องสาวก็อาสารับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ

สองเท้าผมก้าวขึ้นไปยังบ้านพักของไอ้ชัย จมูกกระทบกลิ่นยาฉุนเฉียว และสัมผัสได้ถึงไอของความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามารับเหยื่อของมัน นังต้อมลุกขึ้นมารับผมทันที และโดยไม่ต้องถาม น้องสาวไอ้ชัยก็ส่ายหน้าเป็นสัญญานบอกให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมหวาดกลัวกำลังจะ เกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก

ผมเข้าไปในห้องเล็กที่มืดครึ้ม ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนอนนิ่งราวกับไร้วิญญานครอบครอง มีเพียงหน้าอกขยับขึ้นลงเล็กน้อยเป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าสายใยของชีวิตยังคง อยู่ในร่างนี้ แต่กำลังใกล้ขาดลงทุกขณะ ผมทรุดกายลงคุกเข่าข้างเตียง สองมือกุมมือที่มีแต่กระดูกไว้แน่น น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาโดยมี่ผมไม่สามารถกลั้นได้ เบื้องหลังเสียงประตูปิดตัวลงดังขึ้นเบาๆ มีเพียงผมกับร่างใกล้ความตายอยู่เพียงสองต่อสองในห้องเล็กๆ ดวงตาบนใบหน้าผู้ที่ทอดร่างบนเตียงเปิดขึ้นเมื่อรับรู้การสัมผัสที่มือ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลพุพองหันมาสบตาผม ประกายตาที่ซ่านมันกลับสดใสขึ้นทันที มันสดใสจนดูราวกับเป็นประกายตาของเด็กหญิงวัย 12 ที่ผมแสนรักในอดีต เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบา แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความดีใจที่แฝงอยู่

“พี่เอ...พี่เอ ของกิฟท์...”

ผมลูบไล้มือของเพื่อนวัยเด็กที่ผมรักดังน้องสาวแท้ๆ อย่างแผ่วเบา

“พี่อยู่ที่นี่ กิฟท์ ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะ จะได้หายเร็วๆ พี่จะได้พากิฟท์ไปเที่ยวตามสัญญา...ดีไหม”

น้องกิฟท์ ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนแรง มือผอมแห้งพยายามยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าผม..

“พี่เอไม่เคยโกหกกิฟท์ได้สักทีนะ...กิฟท์จับได้ทุกครั้งนั่นแหละ..กิฟท์รู้ดีว่าเวลาของกิฟท์หมดแล้ว แต่กิฟท์ก็ยังดีใจที่ก่อนตาย กิฟท์ได้พบพี่ชายของกิฟท์อีก และได้มาตายอยู่ข้างๆ คนที่กิฟท์รัก..”

ผมกุมมือน้องกิฟท์ไว้แนบแก้ม น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้..ผมไม่เคยสามารถโกหกน้องสาวที่แสนฉลาดของผม คนนี้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่เวลาที่ผมต้องการจะโกหกมากที่สุดเช่นปัจจุบัน...

“พี่เสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น .. กิฟท์ให้อภัยพี่ได้ไหม”

น้องกิฟท์ยิ้มตอบ ประกายตาแจ่มจ้ามากขึ้น จนดูราวกับมันจะส่งแสงออกมาด้วยตัวเอง แต่ผมรู้ว่านี่คืออาการของเปลวเทียนที่สว่างวูบขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะ ดับไปตลอดกาล

“กิฟท์ไม่เคยโกรธพี่เอ กิฟท์รักพี่มาตลอด สิ่งเดียวที่กิฟท์เสียใจคือทำไมชะตาของพวกเราทั้งสามถึงเป็นแบบนี้ ถ้าเพียงแต่วันนั้นกิฟท์ไปด้วย...ถ้าเพียงแต่กิฟท์ไปด้วยเท่านั้น...ถ้า เพียงแต่กิฟท์...”

ประกายสดใสในดวงตาของน้องสาวที่ผมรักดับวูบ มือที่ประคองแก้มผมตกลงกับพื้นเตียง น้ำตาผมไหลเป็นสายลงไปยังมือนั้นราวกับจะใช้ชำระความอยุติธรรมที่เกิดต่อ เด็กหญิงตัวน้อยที่จากไปพร้อมกับสายใยสุดท้ายที่เชื่อมโยงผมกับอดีตกาล

-----------------------------------

อ่านต่อข้างล่างนะครับคลิปแอบถ่ายหีระเบิดดูคลิปxนักเรียนรูปโป้2010หมอยดำๆแอบถ่ายเด็กคลิปแอบถ่ายคลิปแอบถ่ายคลิปแอบถ่ายคลิปแอบถ่ายคลิปแอบถ่าย

IM™ is a Trademark of sitehun.communityarchitect.com, Inc.
Copyright © 2011 - Present